ห(ว๊าย)...เกาะ...ทะเลหน้าฝน


        มันก็เริ่มจาก ร่างกายต้องการทะเล (วลีเด็ดของคนอยากจะหนีงานไปเที่ยว) อยากไปนอนติดเกาะ จะไปเสม็ดก็คนเยอะเกิน ต้องหาที่สงบหน่อยๆ น้องเลยชวนไปตราด ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่ไป  เกาะช้าง นะคนเยอะ น้องมันเลยจัดให้ตามคำขอ ...ไปไหนนะ ผมถามย้ำกับน้องอีกครั้งที่ได้ยินชื่อครั้งแรก เกาะ  หวาย
มันอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยวะเนี่ย
(พูดเหมือนตัวเองรอบรู้ชื่อเกาะต่างๆ ของไทย 😅)



   เกาะหวายเป็นเกาะที่อยู่ในจังหวัดตราด แต่ถ้าพูดถึงตราด เราก็มักจะนึกถึงเกาะช้าง ไม่มีชื่อเกาะหวายในหัวเลย หรือมีแต่ก็ไม่ค่อยจะมีคนไปนอนพักซักเท่าไหร่ เพราะเป็นเกาะที่เงียบ กิจกรรมที่ทำได้บนเกาะก็มีแค่ กิน นอน เดิน ดำน้ำ เล่นน้ำ (อันนี้ความเห็นส่วนตัวผมเองนะครับ)
พอทำความรู้จักกับเกาะหวายแล้วว่าอยู่ที่ไหน ก็จัดไปอย่าให้เสียแรงชวนของน้อง เก็บเสื้อผ้า
ร่อนใบลา(พักร้อน) แล้วออกเดินทางได้

   ผมเดินทางไปเกาะหวายช่วงเดือนพฤษภาคม ช่วงเวลาก่อนหน้าฝนจะมาเยือน ( แต่ก็มีฝนปรอยๆ )
เราเดินทางโดยรถประจำทางที่หมอชิต นั่งรถทัวร์มุ่งหน้าสู่จังหวัดตราด
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4-6 ชั่วโมง

นั่งรถเที่ยวเช้าถึงตราดก็สายๆก่อนเดินทางอย่าลืมเช็ครอบเรือ ให้ตรงกับเวลา ที่รถไปถึงนะครับ
ไม่งั้นจะตกเรือ เอาได้ ระหว่างเดินทางมีฝนตกปรอยๆ
(คิดในใจเอาแล้วไง ทะเล...เจอฝน...ไหวมั้ยเนี่ย😅)

ถึงจังหวัดตราดก็ยังมีฝนปรอยๆ ตกๆหยุดๆ เราลงรถตรงจุดรอรถสองแถวที่จะพาเราไปยังท่าเรือ      ข้ามไปที่เกาะ มีคนรออยู่พอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะไปที่เกาะช้างกันมากกว่า นั้งรอประมาณครึ่งชั่วโมงรถสองแถวก็มารับ ไปที่ท่าเรืออ่อลืมบอกไปท่าเรือที่จะไปเกาะหวาย ขึ้นคนละท่ากับท่าเรือไปเกาะช้างนะครับ ท่าเรื่อไปเกาะช้างจะถึงก่อน สังเกตุง่ายๆรถรอข้ามฟากเยอะมาก คนก็เยอะ
ผมเองก็ยังไม่เคยไปเกาะช้างเลย (จะว่าเชยก็ได้นะ แฮะๆๆ)
ทริปต่อไปคงต้องไปเยือนซะแล้ว ว่าเกาะนี้มันมีอะไรดีคนถึงชอบไปกันนัก


ท่าเรือไปเกาะช้างรถต่อคิวลงเรือเยอะมาก ต่อแถวยาวเหยียดสมกับเป็นเกาะยอดนิยมจริงๆเลย
ผมไม่แน่ใจว่าเยอะแบบนี้ทุกวันมั้ย

แล้วรถสองแถวก็พามาส่งที่ท่าเรือสุดท้ายเป้าหมายปลายทางของเรา ซึ่งมองดูแล้วคนที่จะข้ามไปเกาะมีไม่มากนัก ผมกับน้องนั่งรอเรือมารับ...การเดินทางจากฝั่งไปเกาะหวายใช้เวลาประมาณ 40-45 นาที
แต่การนั่งรอก็กินเวลาใช้ได้  ไม่ใช่เรือมาช้านะครับผมมาถึงก่อน (ถือว่าดีเพราะไม่ตกเรือชัวร์ๆ)
ส่วนเรือก็เข้า ออกตรงเวลา

นั่งเรือชมวิวทะเลไปเพลินๆ มองไปทางไหนก็มีแต่น้ำทะเล สีฟ้าสดใส แรกๆก็สบายตา พอมองไปมองมาก็พาง่วง หลับบ้าง ตื่นบ้างแป๊บเดียวเราก็เห็นจุดหมายปลายทางเกาะเล็กๆกลางทะเล เงียบสงบ มากกผมว่ามันเหมาะกับการมาพักร้อน พักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายของเมืองใหญ่มาก
เราเดินทางมาถึงช่วงบ่ายๆ สองพี่น้องหอบหิวกระเป๋าเข้าที่พักแล้วออกมาสำรวจรอบๆ



  ผมและน้องเลือกพักที่ประการัง รีสอร์ต (เราจองที่พักไว้เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง จริงๆแล้วน้องผมจัดการ) บรรยากาศที่เกาะเงียบสงบ ผู้คนก็ไม่มาก ชัดรู้สึกชอบที่นี่ขึ้นมากแล้ว โดยส่วนตัวแล้วผมชอบที่สงบๆ ผู้คนไม่วุ่นวาย (ยกเว้นวัด และป่าช้าครับ ไม่นับรวม😓) และที่เกาะหวายก็เหมาะสำหรับการมาพักร้อน พักผ่อน จริงๆเหมือนข้อมูลที่ได้มา เพราะที่นี้มีแค่ ชายหาด ทะเล ที่พัก และป่าด้านหลังที่พักเท่านั้นเอง อย่าได้ฝันถึงร้านเหล้าหรือผับบนเกาะเลย ธรรมชาติล้วนๆ





ตกเย็นก็เริ่มหิว เราก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารของรีสอร์ต เพราะมีอยู่ที่เดียว บรรยากาศดีนั่งรับลมทะเล  อาหารก็รสชาติให้ได้เลยครับ   วันแรกของทริปปิดท้ายด้วยการนั่งกินอาหารริมทะเล ฟังเสียงคลื่น และคืนนี้ยังได้นอนฟังเสียงคลื่นซัดเข้าฝั่งเพลินๆทั้งคืน  สรุปคืนแรกหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้สงสัยจะเหนื่อยจากการเดินทาง แล้วก็เหนื่อยกับการเล่นน้ำเมื่อช่วงเย็นด้วย

ลืมบอกไปอีกอย่างที่นี่มีเวลาเปิด ปิดไฟฟ้าด้วยครับ...ดีจังเพราะบนเกาะใช้เครื่องปั่นไฟ


ตื่นเช้ามา สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มปอด แล้วก็ไม่รอช้าเดินลงทะเลก่อนเลยครับ ดำน้ำซักพักก่อนจะมาอาบน้ำแล้วไปหาอะไรกิน




ที่นี่เราสามารถดำน้ำได้ทั้งวัน ดำดูปลารอบๆอ่าว เป็นการดำน้ำตื้นๆนะครับไม่ลึกมาก ประมาณ 2-3 เมตร มีปลาทะเลว่ายมาใกล้ๆ ให้เราได้เห็น พอช่วงสายๆจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นั่งเรื่อมาดำน้ำดูปลาและปะการัง กันตลอดในช่วงสาย และบ่าย
ดีที่เรานอนพักที่นี้เลยได้ลงดำน้ำตอนเช้า




ถึงตอนนี้ก็นอนพักเอาแรงหลบแสงแดด รอให้นักท่องเที่ยวขึ้นเรือกลับ
พอกลุ่มทัวร์มาลง ความสงบก็หายไป (นิดหน่อย) ความคึกคักวุ่นวายของหมู่คนจำนวนมาก เต็มหาด
ก็เข้ามาแทนที่ หลากหลายกิจกรรมที่ต้องรีบทำก่อนจะโดนต้อนขึ้นเรือกลับ



ผมแอบสงสัยไม่น้อยเลยว่า การมาพักผ่อนแบบนี้ มันสนุกจริงหรือ มาแบบเร่งรีบ ไปแบบเร่งด่วน แล้วจะได้ซึมซับธรรมชาติกันตรงไหน นอกจากการลงมาเหยียบผืนทรายสองสามก้าว ถ่ายรูป เช็คอิน
โพสลงโซเชียล  แล้วก็ขึ้นเรือกลับ และทิ้งขยะไว้ ให้คนพื้นที่เก็บกวาด มันก็ดูน่าเศร้านิดๆ


  พักได้วันสองวันก็เริ่มอยากจะอยู่ไปนานๆซะแล้ว ด้วยบรรยากาศ ธรรมชาติ ความสงบ
(ตอนที่ไม่มีทัวร์มาเยือน) ทำให้รู้สึกว่าการพักผ่อนจริงๆมันเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่ต้องคอยมองนาฬิกา ไม่ต้องค่อยเช็คข้อความในมือถือ ปิดทุกอย่างแล้วนอนฟังธรรมชาติ สุขดีแท้





ผมเริ่มเก็บภาพทั้งเมมโมรี่ในกล่อง และเมมโมรี่ในสมองที่เป็นความทรงจำ ซึมซับบรรยาศรอบๆตัว ยังไม่ทันไรก็ต้องกลับมาสู่โลกความจริงอันวุ่นวายอีกครั้ง... ถึงเวลาต้องกลับจริงๆแล้วซินะ บาย..บาย เกาะหวาย  แล้วเราจะกลับมาใหม่..
(trip 1-4 May 2014)


ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Mockba คนเดียว ก็เที่ยวได้

นั่งรถไฟไปเมืองลิง