นั่งรถไฟไปเมืองลิง
13 มีนาคม 2561
วันธรรมดาที่แสนวุ่นวาย ผมตื่นขึ้นมาในตอนสายๆของวัน ทุกคนออกไปทำงาน แต่เราหยุด ไปไหนดีเนี่ย อากาศก็ร้อน นอนอยู่บ้านก็ไม่ดีแน่ จะออกไปเดินเล่นในห้างมันก็ดูน่าเบื่อไป แถมจะใช้ตังเยอะอีก แล้วความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัว ต้องบอกก่อนว่าผมนั่งรถผ่านสถานีรถไฟทุกวัน เลยอยากลองนั่งรถไฟเล่นดู แต่ยังไม่มีโอกาศสักที วันนี้ได้โอกาศดี หยุดงานไปนั่งรถไฟเล่นชิวๆดีกว่า แต่จะนั่งไปไหนดี แล้วชื่อ ลพบุรี ก็ผุดขึ้นมาในหัว เพราะเคยนั่งผ่านตอนขึ้นไปสุโขทัย น่าจะไม่ไกลมาก สามารถไปเช้า เย็นกลับได้ สะบายๆ (นี่ก็ใกล้เที่ยงละ) ผมรีบถีบตัวเองออกจากที่นอน หาข้อมูลตารางรถไฟ จาก ดอนเมือง ไปลพบุรี โชคดีที่มีเที่ยว บ่ายโมงกว่า เกือบบ่ายสอง ยังพอมีเวลา
ผมรีบลุกขึ้นมาอาบน้ำ กินข้าว แล้วเดินทางไปยังที่หมาย สถานีรถไฟดอนเมือง
ถึงดอนเมืองบ่ายโมง รีบไปซื้อตั๋วรถไฟแบบธรรมดา ของคนธรรมดา นั่งชิวๆรับลม รับแดดกันไป
เวลาที่ระบุในตั๋ว เดินทางจากสถานีดอนเมือง 13:45 น. - ลพบุรี 15:37 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ค่าโดยสารก็แค่ 24 บาท ถูกแสนถูก
รถไฟมาเกือบตรงเวลาช้าไปสิบนาที ขึ้นรถไฟก็เลือกที่นั่งเอาตามใจชอบเพราะในตั๋วไม่ได้ระบุที่นั่ง คนก็ไม่ได้เต็มขบวนรถเพราะวันนี้เป็นวันธรรมดาไม่ใช่ช่วงเทศกาล หรือชั่วโมงเร่งด่วนอะไร
เมื่อได้ที่นั่งเรียบร้อย ผมก็พร้อมออกเดินทางไปกับรถไฟไทยแบบธรรมดาที่ไม่ธรรมดาอีกต่อไปในตอนนี้ เพราะรอบข้างในขบวนที่ผมนั่งมีทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติขึ้นมาร่วมวงในการเดินทาง จุดหมายแตกต่างกันไป บางคนก็กลับบ้าน ไปทำธุระ หรือท่องเที่ยว
รถไฟขบวนนี้ออกเดินทางจากกรุงเทพ จุดหมายปลายที่อยู่ที่จังหวัดพิจิตร สถานีตะพานหิน
เสียง ปู้นๆ ฉึก กะ ฉัก ปู้นๆ ..... (ใส่ซาวร์เองเพื่อความบันเทิง) รถไฟเริ่มเคลื่อนขบวน กิจกรรมบนรถไฟก็ไม่มีอะไรให้ทำมากนอกจากคุยกัน นั่งดูวิว แล้วก็กิน ซึ่งของกินก็จะมีขึ้นมาขายไม่ขาดระยะ ทั้งข้าว ทั้งน้ำ และขนม คือไม่มีอดตายแน่ๆถ้ายังอยู่บนรถไฟ
นั่งรับลม รับแดด เคลิ้มจะหลับไปหลายรอบ ก็มาถึงเมืองลพบุรี ตอนสี่โมงเย็น
อย่างแรกที่ทำหลังจากที่ลงมาจากรถไฟเลย คือเดินตรงไปที่ช่องขายตั๋ว ซื้อตั๋วรถไฟเที่ยวกลับไว้ก่อน จะได้รู้เวลา ตอนกลับ
รถไฟขากลับจะออกตอน หกโมงเย็น มีเวลาเดินเล่นในเมือง สองชั่วโมง สะบายๆ
ผมเพิ่งเคยมาที่ลพบุรีเป็นครั้งแรก เดินออกจากสถานีรถไฟก็เจอเข้ากับ โบราณสถาน ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับสถานี
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ (ผมเดินทางในวันนี้แบบไม่มีข้อมูลอะไรเลยนะครับ แค่อยากมานั่งรถไฟเล่น เลยไม่ได้หาข้อมูลว่าอะไรอยู่ตรงไหน คงต้องถามๆเอา เดินเที่ยวแค่ระยะใกล้ๆสถานีรถไฟก็พอ)
จากวัดพระศรีมหาธาตุ ผมก็ถามเอาจากเจ้าหน้าที่ ที่ดูแลวัด ว่านอกจากวัดนี้แล้วผมสามารถเดินไปไหนได้อีก ที่อยู่ใกล้ๆ ระแวกนี้ ก็จะมี พระปรางค์สามยอด ศาลพระกาฬ และ street art หรือที่เด็กเอาสีไปพ้นวาดรูปตามกำแพงร้างๆนั้นแหละ อยู่ในระเเวกเดียวกัน
ระหว่างเดินจากวัดพระศรีมหาธาตุ ไปพระปรางค์สามยอด ที่อยู่ไม่ไกล มองเห็นกันได้ ร้านค้า ของกิน ที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟก็เริ่มตั้งร้าน เดินผ่านก็ต้องมีไหวหวั่นกันบ้างครับ ของน่ากันทั้งนั้น
ถึงพระปรางค์สามยอด ระหว่างทางก็เจอกับเจ้าถิ่น ลิงน้อย ลิงใหญ่ ที่อาศัยอยู่รอบๆบริเวณ ศาลพระกาฬ และ รอบๆพระปรางค์ รวมไปถึงตามอาคารบ้านเรือนในบริเวณนั้น เต็มไปหมด ดูแล้วคนและลิงอาศัยอยู่ด้วยกันได้เป็นอย่างดี แต่สำหรับ นักท่องเที่ยว อย่างผม ถือเป็นเรื่องแปลกตา ที่เดินมาเห็นคนและลิง อาศัยอยู่ด้วยกัน จำนวนคนและลิงในบริเวณนี้ถ้านับ ผมว่า คงจะมีพอๆกันเลย
เข้าไปเดินในพระปรางค์สามยอด ค่าเข้าชม 10 บาท พร้อมเจ้าหน้าที่ส่งไม้คล้ายๆกับไม้เรียว ยาวประมาณเมตรกว่า เอาไว้ให้เราป้องกันตัวจาก เจ้าลิงน้อย พร้อมคำเตือนให้เก็บเเวนตา หรือสิ่งของมีค่าเข้ากระเป๋าให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินเข้าไป ไม่งั้นเจอมือลิง จกของเอาไปได้ง่ายๆ
เดินเล่นได้ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้เวลาต้องบอกลา ลิงน้อยกลับบ้านแล้ว
การมาเที่ยวครั้งนี้ทำให้ผมได้รู้ได้เห็น ได้คิดอะไร ได้หลายๆอย่าง ในการอยู่รวมกัน ไม่ว่าจะคนหรือลิง ที่ต้องพึ่งพาอาศัย ดูเเลกัน อยู่ร่วมกัน ไม่เสียเที่ยว ในการออกเที่ยว การเที่ยวก็มีประโยชน์นะครับใครว่าไร้สาระ
อีกอย่าง งบไม่ถึงสองร้อยก็ได้มาเที่ยวไกลถึงเมืองลิง แล้ว เริ่มติดใจการนั่งรถไฟเที่ยวแล้ว คราวหน้านั่งรถไฟเที่ยวไหนดีหว่า?????
เอาไว้คิดอีกที แต่ตอนนี้ต้องรีบ วิ่งไปขึ้นรถไฟกลับเข้ากรุงอันแสนวุ่นวายละครับ
เจอกันทริปหน้า ครับ ลาก่อนลิงน้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น