Hanoi ฮาหน่อย ต้องไปเอง



 เอาอีกแล้วทริปที่เกิดจากความอยากล้วนๆ อยากพัก อยากเที่ยว อยากลอง ไอ้น้องชายของผม เกิดอาการเบื่องาน อยากเที่ยว (เหมือนผมจะมีน้องร่วมโลกเยอะเนาะ) อยากออกไปหาประสบการณ์การเดินทาง มันคงเห็นผมเที่ยวบ่อยด้วย(จริงๆก็ไม่บ่อย)  เกิดอาการคันอยากไปมั่ง กลายเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้ Hanoi ฮาหน่อย ต้องไปเอง


Cr.หนังสือ 100 เมืองสวยในเอเชีย
ทำไมต้องฮานอย ? เป็นคำถามที่คาใจอยู่ ที่เลือกไปที่นี่เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นาน บินประมาณ สองชั่วโมงจากประเทศไทย และเป็นความผิดพลาดบางประการของพวกเรา ผมจองตั๋วผิดที่ แทนที่จะไปโฮจิมินห์ กลับจองตั๋วไป ฮานอย (พลาดนี้ผมเป็นคนจองเอง😢) ก็ราคาตั๋วเครื่องบินมันได้ 😜

แต่ไม่เป็นไร เมื่อจองแล้วก็อย่าให้เสียลุยซิครับ จะฮานอย หรือ โฮจิมินห์ เราก็ยังไม่เคยไปทั้งสองที่      เพราะฉนั้นจะไปไหนมันก็ได้เที่ยวทั้งนั้น ผมเป็นผู้ชายคิดบวก ลุยครับลุย แล้วพลาดที่สองก็ตามมา คือ ดันไปในช่วงเวลาที่เป็นหน้าฝน 😓 (เที่ยวไม่ดู ดิน ฟ้า อากาศ เลยนะ วิน)

เมื่อจองตั๋วชนิดพิเศษ แบบ โนบุ๊คที่นั่ง โนอาหาร โนน้ำหนัก เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เราก็มีสมาชิก ร่วมลุยสองคน คือผมและน้อง

แต่ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตอันใกล้ จะได้เพื่อนร่วมทริปมาอีกหนึ่ง ผมออกไปกินข้าวกับเพื่อนและถือโอกาสไปหาเพื่อนที่ทำงานอยู่ร้านอาหารแถวเลียบด่วน ได้นั่งคุยกันถึงทริปที่ฮานอย เพื่อนผมสนใจเข้าร่วมทริป (คิดในใจได้เพื่อนร่วมชะตากรรมเพิ่มละ)


เมื่อรวมพลเรียบร้อย ก็จองที่พักซิครับ ดูๆเอาจากเว็ปจองทั่วไป ใครสะดวกอันไหนก็ใช้อันนั้น เป็นอันว่าได้ที่พักเรียบร้อยในราคาโดนใจ สบายกระเป๋าตัง ที่ Rising Dragon Palace Hotel ผมดูจากรูปที่พักและรีวิวคนที่เคยเข้าพักประกอบการตัดสินใจ (คราวนี้ดูมีหลักการ ฮ่าๆๆ 😂 กลัวพลาดเดี๋ยวโดนยำ)

ตั๋วเครื่องบินเรียบร้อย ที่พักจองเเล้ว ที่นี้ก็มาเรื่องเงินติดตัว และที่เที่ยวที่อยากไป

เรื่องเงินส่วนใหญ่ที่อ่านมา จะเเนะนำให้ใช้สกุลเงินบาทไทยแลกเป็นสกุลเงิน ดอลล่า US. จากไทยไปก่อน แล้วค่อยเอาเงินดอลล่าไปแลกเป็นสกุลเงิน "ดอง" VND ที่เวียดนามอีกทีจะคุ้มกว่า เขาว่ากันแบบนั้น (เขานี้ใครก็ไม่รู้แต่เชื่อไว้ก่อน)


ส่วนเรื่องเที่ยว เราไปกันแค่ สามวัน สองคืน เลยคิดว่าจะเดินเที่ยวรอบๆเมืองฮานอยพอเพราะไม่อยากไปไกลมันจะเสียเวลา แล้วก็เหนื่อยเดินทางอีก ตกลงตามนี้ไปก่อน ส่วนจะมีอะไรเพิ่มเติมไว้ไปคุยกันหน้างานอีกที

อ๊ะๆๆยัง ยัง อย่าคิดว่ามันจะราบรื่นนะครับ ยังจำเพื่อนผมที่จะไปด้วยได้นะ หนึ่งเดือนก่อนวันเดินทาง ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากเพื่อน ถามเรื่องตั๋วเครื่องบินที่จองว่าของผมเรียบร้อยมั้ย (ลืมบอกไปเพื่อนผมจองตั๋วทีหลังผมกับน้อง ไม่ได้จองพร้อมกัน) ตั๋วผมเรียบร้อยพร้อมเช็คอิน แต่เพื่อนผมนี่ซิครับดันทำใบเสร็จจองตั๋วหาย

ผมเลยแนะนำให้ติดต่อไปที่สายการบินว่าต้องใช้อะไรบ้าง ทางสายการบินตอบกลับมาว่า วันที่เดินทางให้ใช้ พาสปอร์ตของเจ้าของตั๋วและหมายเลข Booking number ไปเช็คอินได้เลย ค่อยโลงใจไป เกือบไม่ได้ไปเที่ยวแล้วมั้ย (บางคนอาจรู้แล้วว่าต้องทำยังไงแต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้นะครับ พาสปอร์ต กับเลข Booking number สำคัญมาก)

24 July 2017
แล้ววันเดินทางก็มาถึง นัดรวมพลกันที่สนามบินดอนเมืองตอนตีห้า ประเด็นคือต้องมีใครปลุกใครไม่งั้นตกเครื่องยกทีม ตอนแรกผมก็ให้น้องโทรปลุก แล้วผมจะโทรปลุกเพื่อนอีกที ไปๆมาๆกลายเป็นว่าทุกคนตื่นเอง ตอนผมโทรไปหาน้องกับเพื่อน ก็ตื่นกันหมดแล้ว สงสัยจะกลัวตกเครื่องกันแน่ๆ 😁

เราเจอกันตอนตีห้ากว่าๆ ที่สนามบินดอนเมือง พร้อมเช็คอิน เครื่องออกตอน เจ็ดโมงกว่า คนเยอะแต่เช้าไม่รู้ไปไหนกัน  เช็คอินได้ตั๋วเรียบร้อย ขึ้นเครื่อง (ปล.งวดนี้แอบได้ที่นั่ง Hot Seat ด้วย 😜) เจอกันที่ฮานอย


เราใช้เวลาบิน หนึ่งชั่วโมงสี่สิบนาที ถึงสองชั่วโมงโดยประมาณ  จากสนามบินดอนเมือง ถึง สนามบินนานาชาติโหน่ยบ่าย ( Noi Bai ) กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม เวลาที่เวียดนามกับประเทศไทยเป็นเวลาเดียวกัน เลยไม่ต้องปรับนาฬิกาให้ตรงกับเวลาท้องถิ่น

ซิน จ่าว ฮา นอย 😊สวัสดี ฮา นอย (ไปมาสามวันได้มาคำเดียวที่เหลือลืม) ถึงสนามบินโหน่ยบ่าย ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยด้วยหน้าตาที่เป็นมิตรของพวกเรา ที่เวียดนามเราไม่ต้องขอวีซ่าถ้าอยู่ไม่เกิน สามสิบวัน และเราก็ไม่ต้องกรอกเอกสารเข้าเมืองที่นั้นด้วยเพราะยกเลิกไปเเล้ว แค่ยื่นพาสปอร์ต รอเจ้าหน้าที่ประทับตราแล้วก็เดินเข้าเมืองได้เลย ง่ายสะดวกสบายมาก


พอผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้คราวนี้ก็ถึงเวลาผจญภัยกันจริงๆละ เดินหาที่แลกเงินก่อนเลยเพื่อความอุ่นใจ ที่สนามบินจะมีที่รับแลกเงินอยู่แล้ว ออกจากด่านตรวจลงบันไดเลื่อนแล้วเลี้ยวซ้าย เดินไปไม่ไกลก็เจอ ผมใช้เงินหนึ่งร้อยเหรียญดอลล่า แลกเป็นสกุลเงินดองได้ ประมาณ สองล้านสองแสนสี่พันดอง( 2,204,000 VND.) ได้จับเงินล้านก็คราวนี้แหละครับ นับเงินอีกรอบ มือไม้สั่นด้วยความดีใจเพราะไม่เคยมีเงินล้าน 😂 (อัตราแลกเปลี่ยนขึ้นอยู่กับค่าเงินในตอนนั้น)


หลังจากเราแลกเงินเป็นเศรษฐีกันทั่วหน้าแล้วก็หาทางไปโรงแรม ผมเดินย้อนกลับไปถามข้อมูลจาก information สนามบินว่าเราไปขึ้นรถเมล์สาย 17 ตรงไหนได้ พี่สาวคนสวยก็เเนะนำให้เราเดินออกประตูไปทางซ้ายเดินไปอืกนิดจะเจอรถเมล์เข้าเมือง ตามข้อมูลที่ได้มาเป๊ะ แถมป้า เอ้ยพี่แกยังจะขายทัวร์ one day trip ไป ฮา ลอง เบย์ ให้เราด้วย  รีบตอบกลับพี่แกไปว่ายังไม่ซื้อครับ แล้วก็รีบเดินจากไปแบบไวๆๆ

เราเดินออกมานอกสนามบินเจอท่ารถแต่ก็ยังไม่เห็นรถเมล์หมายเลข 17  น้องผมเลยเดินไปถามคนแถวนั้นที่กำลังรอรถอยู่ ได้คำตอบว่ารถที่เรารอจะมาในอีก 15 นาที  ระหว่างรอก็คุยเรื่องว่าจะไป ฮา ลอง เบย์ กันดีมั้ย ถ้าไปเราควรซื้อทัวร์จากที่สนามบินเลย เพราะจะได้ถูกกว่าซื้อในเมืองหรือซื้อที่โรงแรม (ข้อมูลตามรีวิวเลยผม แล้วมาดูกันว่ายังไง😈) แต่เวลาเที่ยวของเราจะหมดไปหนึ่งวันที่ ฮา ลอง เบย์


สรุปว่าเราจะไป ฮา ลอง เบย์ รถก็ยังไม่มา เลยเดินย้อนกลับไปซื้อตั่ว one day trip กับพี่สาวที่ information บูธสีขาวๆ มีบูธสีเหลืองด้วยน่าจะคนละบริษัทกัน ขายทัวร์เหมือนกัน ผมเดาว่าสีขาวน่าจะเป็นของสนามบิน (เดาตลอด งานคิดเอง มาเป็นระยะๆ)

ป้าครับ เอ้ย! พี่ครับพวกผมสนใจไป ฮา ลอง เบล์ ราคาเท่าไหร่ พี่แกก็บรรยายสรรพคุณ ไม่ใช่ๆ บอกรายละเอียดกับเรามา ว่าจะได้อะไรบ้าง เช่น ลองเรือ มีอาหารกลางวัน เล่นน้ำ ชมวิว ปีนผา และมีอะไรที่เราต้องไปซื้อเพิ่มถ้าอยากทำตอนอยู่ที่นั้น สนนราคาคนละ 60 USD. พระเจ้าอย่าตกใจไป นั้นมันเป็นราคาซื้อออนไลน์ แต่ถ้าหลานๆซื้อกับป้าตอนนี้ ที่นี่ จะเหลือเพียง คนละ 46 USD. คุ้มสุดๆเลย แล้วแกก็ยิ้มพิมพ์ใจเมื่อพูดจบ

หันไปมองหน้ากันสามคนด้วยความงงในภาษาอังกฤษปนสำเนียงเวียดนาม แต่พอจับใจความได้ (บางทีป้าก็พูดเร็วไปนะ) ป้าลดให้ขนาดนี้ มีเหรอพวกผมจะไม่ซื้อ ยิ่งในรีวิวบอกมาแล้วว่าซื้อทัวร์ที่สนามบินถูกกว่าที่โรงแรมขายอีก งานนี้มั่นใจมาก มั่นแบบไม่เคยมั่นมาก่อน...

ตกลงกันได้ป้าแกก็กรอกรายละเอียด ขอพาสปอร์ท ที่อยู่โรงแรม เพื่อทำบิลคิดเงิน (ถ้าเป็นเงินดองก็จะคนละ 1,040,000 ดอง) นัดแนะเวลาที่รถต้องไปรับพวกเราที่โรงแรมในตอนเช้าของวันพรุ่งนี้ด้วย พอทุกอย่างเรียบร้อย ป้าคนสวยก็ชี้ทางสว่างวาบๆให้เรา ไปขึ้นรถเมล์สาย 86 เพื่อเข้าเมืองและลงป้ายที่ใกล้กับโรงแรมที่เราจอง




แหมงานนี้เงินตัวเดียวเลยทำให้เราพบแสงสว่าง จ่ายตังปุ๊บ บอกละเอียดยิ่งกว่า จีพีเอส ชี้ทาง อีกครับ
แล้วรถเมล์สาย 86 ก็จอดอยู่ที่หน้าสนามบินนั้นเอง  ราคาค่ารถก็ คนละ 30,000 ดอง เราต้องไปลงที่ป้าย ลอง เบียน (Long Bien) รถเมล์ติดแอร์แถมมี ไวไฟให้เล่นตลอดทางด้วย และไม่ต้องกลัวว่าจะนั่งเลยนะ เด็กรถตะโกนบอกทุกป้าย ตั้งใจฟังกันดีๆเด้อ


ถึง ลอง เบียน การเดินทางบนถนนที่รถมอเตอร์ไซค์วิ่งกันให้หยุบหยับชนิดที่ว่าไม่มีช่องให้หายใจ ผมไม่กล้าก้าวขาข้ามถนนกันเลยทีเดียว ทำให้การเดินข้ามถนนที่ ฮานอย เป็นเรื่องตื่นเต้นสำหรับผมไปเลย จาก ลอง เบียน ไปที่พักของพวกเรา ถ้าดูจากแผนที่แล้วไม่ไกลมาก แต่อย่าเพิ่งชะล่าใจไปครับ สกิลการหลงของพวกผมไม่ได้แพ้ชาติใดในโลก ขนาดถามทางกับพี่วินมอเตอร์ไซค์(คิดว่านะ แต่งตัวคล้ายๆ) ยังทำให้เราเดินวนอยู่พักใหญ่



ด้วยสภาพพื้นที่ของ ฮานอย ที่มีซอยถี่ รถเยอะ คนแยะ ป้ายภาษาเวียดนามที่อ่านแล้วสะกดไม่ออก หลงซิครับ(ไปรัสเซีย ยังไม่มึนเท่านี้เลย) หลังจากถามทางอยู่สอง สามรอบ กับแผนที่ยับๆในมือ เราก็มาถึงโรงแรมกันจนได้ ใช้เวลาหาไปชั่วโมงกว่าๆเอง  ถือว่าเดินสำรวจรอบที่พัก คุณคิดว่าจะได้เข้าไปอาบน้ำ เอนหลัง  ก่อนออกเที่ยวแล้วใช่มั้ย ยัง ยัง มันยังไม่จบ  มันยังมีเรื่องตื่นเต้นรออีก

Rising Dragon Palace Hotel นี่ชื่อโรงแรมหรือว่าชื่อหนังจีนกำลังภายในเนี่ย! ตอนแรกที่ได้ยินชื่อ ดูรูปจากเว็บที่จองก็ใช้ได้ แต่พอได้เห็นของจริง ต้องร้องดังๆว่าเฮ้ย! ออกมาเลย เพราะมันดีเกินที่คาดไว้เยอะ ทั้งด้านนอกและด้านใน แถมราคาสุดคุ้มมาก (คืนละพันกว่าบาท หารสาม ถูกสุดๆ) แถมอาหารเช้าด้วย


เดินเข้าไปเช็คอิน ก็ต้องช็อคครับ เพราะพนักงานต้อนรับ ตอบกลับมาว่าผมได้ยกเลิกการจองห้องพักไปแล้ว และตอนนี้ก็ไม่มีห้องว่างเหลืออยู่ด้วย อ้าวๆๆๆ งานเข้าเลยครับทีนี้ แต่เอ๊ะมันจะยกเลิกได้ยังไง ผมจองและคอนเฟิร์ม กับทางโรงแรมเรียบร้อย แถมยังเมล์มาสอบถามเส้นทางจากสนามบินมายังโรงแรมอยู่เลย

สรุปว่าเป็นความผิดพลาดเพราะผมจองมาสองรอบ รอบแรกจองสำหรับสองคน แล้วเพื่อนมาเพิ่มผมเลยยกเลิกอันเก่า ทำการจองเข้ามาใหม่ ระบบโชวร์การจองอันเก่า แต่ในที่สุดก็หาชื่อผมจนเจอ เราได้ที่นอนเป็นที่เรียบร้อย 😛 นี่ยังไม่พ้นวัน ยังตื่นเต้น มันส์ฮา ขนาดนี้ อีกสองวันที่เหลือจะฮาขนาดไหนเนี่ย



ยังไม่หมดเท่านั้นครับ ทางโรงแรงยังมี one day trip ไป ฮา ลอง เบย์ มาเสนอขายให้เราอีก ความพีคมันอยู่ที่ราคาทริปนี่แหละครับ ชนิดที่ว่าได้ยินแล้วช็อคเล็กๆไปเลย
คือ ธรรมดา 30 USD. / คน     พิเศษ 45 USD. / คน นั้นไง ไหนรีวิวบอกว่าโรงแรมขายแพงกว่าไง จุกครับ

หลังจากที่เอาสัมภาระ ขึ้นไปเก็บบนห้องเป็นที่เรียบร้อย ห้องเราอยู่ชั้นสาม ห้อง 304 ล้างหน้า ล้างตัว ก็ได้เวลาลงมาหาอะไรกิน ตอนนี้ก็เที่ยงกว่าละ เริ่มหิวกันนิดๆ มื้อแรกก็ เฝอ หรือก๋วยเตี๋ยวนั้นเอง อันนี้เรียกเอง เพราะหน้าตามันเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กน้ำไก่ ของบ้านเราเลย เพียงแต่เส้นเล็กของที่นั้นใหญ่กว่าของบ้านเรา และให้เส้นเยอะ เนื้อเยอะ น้ำเยอะ รสชาติก็อร่อยใช้ได้ หรือว่าหิวหว่า... ราคาก็ไม่แพง 30,000 ดอง


อิ่มแล้วก็สดชื่นมีแรงพร้อมเดินชมเมือง ไม่มีกระเป๋าทำให้เราเดินได้คล่องตัวขึ้น หลังจากได้แผนที่ใหม่จากโรงแรมและถามจุดที่เราจะไปวงลงในแผนที่ ตอนนี้ก็ลุยกันเลย

ที่เเรกที่เจอคือ ST. Joseph's Cathedral หรือ โบสถ์เซนต์โจเซฟ โบสถ์ใหญ่สไตล์โกธิค ได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศษ สร้างทับเจดีย์บ่าวเทียน และยังถือเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดของฮานอย จริงๆเราตั้งใจจะไปเดินเล่นที่ทะเลสาบหว่านเกียม หรืออีกชื่อเรียกว่า ทะเลสาบคืนดาบ หลงมาจนเจอโบสถ์ เพราะอยู่ใกล้ๆกัน




เดินทางตามล่าหาทะเลสาบกันต่อ เริ่มคุ้นชินกับแผนที่ในมือหน่อยๆเราก็พอจับทางได้บ้าง การเดินไปทะเลสาบคราวนี้มีเหรอที่เราจะไม่ถามทางกับตำรวจที่เดินผ่านมา😓 ขอสารภาพว่าหลงทิศ พอถามแล้วถึงได้รู้ว่าเราตั้งใจจะเดินไปทิศตรงกันข้ามกับทะเลสาบ นั้นไงเตรืยมหลงอีกละ

เมื่อรู้ทิศรู้ทาง เดินไปอีกไม่นานก็เจอกับทะเลสาบหว่านเกียม ทะเลสาบขนาดใหญ่กลางใจเมืองฮานอย มีความร่มรื่นเป็นสวนสาธารณะกลางเมือง ผมว่าเหมาะจะมาวิ่งออกกำลังกายยามเช้าและเย็นมาก เหมือนสวนลุมบ้านเราเลย





ที่มาของชื่อทะเลสาบคืนดาบ เริ่มจากตำนานการสร้างชาติของเวียดนาม จักรพรรดิได้ใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ขับไล่ชาวจีนที่มารุกรานเวียดนามได้สำเร็จ ในขณะที่ร่องเรืออยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ท่านได้พบกับตะพาบน้ำยักษ์ตัวหนึ่งโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ แล้วบอกให้ท่านคืนดาบให้กับเจ้ามังกร ทันได้นั้นดาบได้ลอยออกจากฝักเข้าไปในปากตะพาบยักษ์ ก่อนที่จะดำหายลงไปในน้ำ จึงเป็นที่มาของชื่อทะเลสาบ




ด้านเหนือของทะเลสาบมีวัดหง็อกเซินตั้งอยู่ มีสะพานไม้สีแดง ทอดข้ามจากฝั่งไปหาเกาะกลางน้ำที่เป็นที่ตั้งของวัด คนเยอะมากเลยได้แต่มองข้ามสะพานไปไม่ได้เดินเข้าไปที่ตัววัดกลางน้ำ บวกกับเสียค่าเข้าด้วย พวกเราลงความเห็นตรงกันว่ายืนมองเอากะได้ ไม่เข้าดีกว่า 😜  และทิศตรงกันข้ามกับวัดกลางน้ำก็จะเห็นเจดีย์กลางน้ำสีขาวตั้งอยู่ (ค่าเข้าวัด 30,000 ดอง)



รอบนอกทะเลสาบใกล้ๆกับวัดกลางน้ำก็มีอนุสาวรีย์ของกษัตริย์องค์แรกของเวียดนามตั้งอยู่ แต่จุดสำคัญที่ผมอยากจะไปดูในตอนเย็นของวันนี้คือ การแสดงหุ่นกระบอกน้ำ ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้ๆนี้แต่ผมยังหาไม่เจอ เดินถ่ายรูปกันจนจะหมดเเรง เราเลยลงความเห็นตรงกันว่า ขอกลับไปนอนเอาแรงซักงีบที่โรงแรมก่อน แล้วเย็นๆค่อยออกมากันอีกรอบ




แต่ตอนเดินกลับโรงแรมนี่ดิ เจอเข้าอย่าจังกับกลยุทธการหาเงินของช่างซ่อมรองเท้าชาวเวียดนาม(ก็มีคนเตือนกันมาแล้วให้ระวัง ยังโดนจนได้ ขอโทษครับเพื่อน) เมื่ออยู่ดีๆมีคนแปลกหน้าเรียกเพื่อนผมแล้วมาจับที่รองเท้า บอกว่ารองเท้าขาดต้องซ่อมนะ ดูมาแบบเป็นมิตรมาก จัดการถอดรองเท้าเพื่อนทั้งสองข้างไปเย็บ ซ่อมให้เรียบร้อยโดยไม่ถามสุขภาพซักคำ "ว่าอยากซ่อมมั้ย"

ซ่อมเสร็จบอกค่าซ่อมมา 200,000 ดอง พระเจ้าบ้าไปแล้ว มีเหรอที่พวกเราจะให้ แต่ไม่ให้คงจะมีเรื่อง ผมกับเพื่อนเลยยัดเงินใส่มือไป 35,000 ดอง แล้วก็เดินจากมาแบบเจ็บใจ อะไรว้า โดนเข้าไปอีกหนึ่งดอก😢

เดินกลับมาถึงโรงแรมด้วยความอ่อนล้าทั้งกายและใจ ขึ้นห้องเปิดเเอร์ อาบน้ำ นอนพัก (จริงๆ แล้วตั้งหน้าตั้งตา ตอบไลน์ โพสรูป อัพภาพลงโซเชียล กันนัวเลย 😁)

อยู่ๆเสียงโทรศัพท์ของโรงแรมก็ดังขึ้นในห้อง ปลายสายเป็นเสียงป้าที่ขายทัวร์ ฮา ลอง เบย์ ให้เรา โทรมาแจ้งว่าพรุ่งนี้จะมีพายุเข้าไม่สามารถออกเรือได้ ขอเลื่อนทัวร์ไปวันถัดไป แต่มันตรงกับที่พวกผมจะกลับเมืองไทยพอดี เราเลยต้องขอยกเลิกทัวร์นี้

คุณป้าเลยจะเอาเงินค่าทัวร์มาคืนให้พวกเราที่โรงแรม เป็นอันว่า ฮา ลอง เบย์ อดไปและต้องรอป้าเอาเงินมาคืนที่โรงแรม เย็นวันนี้เราก็ไปไม่ทันดูการแสดงหุ่นกระบอกน้ำแน่นอน  ต้องปรับแผนนิดหน่อย

กว่าป้าจะให้คนเอาเงินมาคืน ก็มืดพอดี เลยตัดสินใจหาข้าวกินแถวโรงแรม มีร้านแนะนำชื่อ Highway4  ถนน Hang Tre  รสชาติอาหารใช้ได้เรียกว่าอร่อยเลยที่เดียว โดยเฉพาะซุบปลา😏







อาหารอิ่มแล้วก็ต้องหาเครื่องดื่ม มีถนนเส้นหนึ่งที่มีร้านนั่งดื่มบรรยากาศเหมือนถนนข้าวสารบ้านเรา ผมตั้งชื่อให้ว่า ถนนสายโลกี ตั้งเองอีกละ  หรือ Ta Hien Street นั้นคือที่หมายของเราคืนนี้ ขอชิมเบียร์ฮานอย ซะหน่อย จะได้กลับไปนอนฝันดี เตรียมลุยต่อวันพรุ่งนี้


Hanoi Vietnam Trip 24-26 July 2017

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Mockba คนเดียว ก็เที่ยวได้

Hanoi ฮาหน่อย ต้องไปเอง ภาค๒

นั่งรถไฟไปเมืองลิง