อัมพวา...พาเตลิด


ความเตลิดมันเกิดมากจาก อาการคัน ยากจะมาตลาดน้ำแบบทริปวันเดียวจบ ขึ้นรถตู้มาเอง แบบชิวๆ ผมเลยหาข้อมูล จริงๆแล้วมันก็ไม่อยาก เมื่อเราอ่านจากหลายๆกระทู้ อีกอย่างมันก็ใกล้ๆ ใช้งบไม่มาก แบบบรรยากาศตลาดริมน้ำ ไปเช้าเย็นกลับ แต่ถ้าติดใจก็หาที่นอนซักคืน ก็จบ...
ตอนแรกผมก็ว่าจะออกเดินวันพุธ ออกเช้าหน่อยเข้าตลาดน้ำดำเนินสะดวก แล้วบ่ายๆเดินตลาดน้ำอัมพวา เลยยกหูชวนน้องอีกคนที่บ้านอยู่แถวราชบุรี ชวนมาด้วยกัน (ถ้าไม่มาผมก็ลุยเดี่ยว) แต่ตกลงน้องมาด้วย ปัญหาอยู่ที่ว่าตลาดน้ำอัมพวามันมีเฉพาะวัน ศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ (ดีนะที่ผมถามมันก่อนไม่งั้นงานงอกเลย) ข้อมูลก็บอกไว้ครับผมอ่านไม่ละเอียดเองคิดว่ามีทุกวันเหมือนตลาดน้ำดำเนินสะดวก  ได้ข้อมูลใหม่เลยปรับเวลาทัน เป็นเดินทางเช้าวันศุกร์...


1 Sep 2017
วันศุกร์ ผมออกเดินทางแต่เช้าไปขึ้นรถตู้แถวรังสิตเพื่อลงที่นครปฐม น้องผมจะมันรับที่นครปฐมแล้วไปตลาดน้ำดำเนินสะดวกพร้อมกัน

เจอกันสุดสายป้ายหน้า ม. ศิลปากร นครปฐมก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่า ดันมาเจอวันศุกร์ต้นเดือนรถติดผิดเวลาที่คิดไว้ไปนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรยังไงเราจะมาละ ลุยครับ รถพร้อม สมาชิกพร้อม ออกตัวล้อฟรี สองพี่น้องเดินทาง พร้อมสำเนียงเหน่อๆ แบบราชบุรีแท้

ถึงตลาดน้ำดำเนินสะดวกก็เวลาใกล้เที่ยง วันศุกร์คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ เดินเล่นได้แบบสะดวกเหมือนชื่อตลาด นักท่องเที่ยวส่วนมากก็จะเป็นจีน เดินไปเดินมาเล่นเอานึกว่าผมเดินอยู่ไซนาทาวน์ ส่งสำเนียงเสียงมาแต่ไกล



เดินดูบรรยากาศตลาดพร้อมกับมองหาของกินไปด้วยเพราะเริ่มหิว ตอนเเรกกะว่าจะหาก๋วยเตี๋ยวนั่งหย่อนขากินริมน้ำ เเต่เดินไปเดินมาเตะตาเข้ากับ เมนู "ข้าวแห้ง" เลยต้องขอชิมซะหน่อย


เมื่อเติมพลังเติมท้องก็ออกเดินทางต่อไปตลาดน้ำอัมพวา น้องผมพาขับรถลัดเลาะชมสวนริมทาง สวนมะพร้าว สวนส้มโอ บรรยากาศสดชื่น ลืมอากาศร้อนข้างนอกไปเลย


ขับมาไม่นานก็เข้าตลาดน้ำอัมพวา หาที่หาทางจอดรถเรียบร้อย ก็ค่อยๆเดินฝ่าแดดไปตลาด เราๆถึงก็บ่ายสองกว่าๆ ร้านค้าก็ยังเปิดไม่กี่ร้าน คนก็ยังไม่เยอะ เลยตกลงให้น้องพาไปวัดดีกว่า พอดีเห็นรูปวัดที่มีต้นไม้ขึ้นรอบๆวัด เลยอยากไปถ่ายรูป. . .


วัดบางกุ้ง เป็นที่ตั้งของโบสถ์ปรกโพธิ์ เป็นโบสถ์เก่าที่มีต้นโพธิ์ใหญ่ขึ้นปรกคลุมทั่วทั้งตัวอุโบสถจนกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน มีผู้คนเเวะเวียนเข้ามากราบไหว้ขอพรกันแบบไม่ขาดสาย


แต่เอะเดี๋ยวนะ แล้วรูปเศียรพระที่มีต้นไม้ขึ้นพันรอบอยู่ไหน??? ผ่าง!!! เอาอีกแล้ว วิน จำผิดที่ 😥 น้องชายผมมันเลยชี้ทางสว่างให้ว่า วัดที่ผมพูดถึงนั้นมันอยู่อยุธยา 😰 ผ่าง (นอกจากหลงทางแล้วยังจำผิดที่อีกนะ วิน)

วัดบางกุ้ง นอกจากมีโบสถ์ปรกโพธิ์แล้ว เราก็ยังสามารถเดินข้ามไปอีกฝั่งเพื่อให้อาหารสัวต์ได้ด้วย มีทั้ง ม้า แพะ แกะ นก ปลา และอูฐ ลองเเวะไปดูครับ

ออกจากวัดบางกุ้งกลับเข้าตลาดน้ำอัมพวา ตกลงปรงใจกันว่าจะนอนค้างที่นี่ซักคืน เพราะตลาดน้ำอัมพวาจะเปิดช่วงบ่ายแล้วลากยาวไปถึงตอนกลางคืน ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

ทีนี้ก็งานหาที่พักหละครับ สองพี่น้องพากันกดมือถือหาทำเลและราคาที่มันสาสม เอ้ยเหมาะสมกับเรา ก็เจอเข้ากับ บ้านสวนลิ้นจี่แม่กลอง รีสอร์ท ราคาเหมาะ ห้องโอเค บรรยากาศสวน อาหารเช้าดี

เข้าที่พักเช็คอินเรียบร้อยก็สี่โมงกว่า สองพี่น้องก็พากันมาที่ตลาดน้ำอัมพวา ตอนนี้คนเริ่มมา ร้านเปิดเรียกลูกค้า ของกินหลากหลาย คึกคักกว่าในช่วงบ่ายหลายเท่า อัมพวายามนี้ดีมีชีวิตชีวามากขึ้นเลยทีเดียว

ของกิน ของฝาก เต็มไปหมด นี่มันสวรรค์สำหรับผมชัดๆ ชอบๆ เดินไปสักพักก็มาหยุดสะดุดเข้ากับร้านข้าวริมทาง อาหารส่งกลิ่นเชิญชวนกระเพาะผมมากเลยไม่รอช้าที่จะเเวะเข้าไปชิม เป็นร้านอาหารตามสั่งริมทางในตลาด มีทั้งตามสั่งและแกงที่ทำไว้แล้วในเตาที่ส่งกลิ่นเชิญชวนลูกค้าที่เดินผ่านไปมาให้เข้ามาชิม รสชาติก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ อร่อยและราคาสมน้ำสมเนื้อ และถือโอกาสหลบฝนที่ตกลงมาปอยๆด้วย




อิ่มแล้วฝนก็หยุดพอดี ได้เวลาเดินชมตลาดต่อ แล้วก็ได้ยินเสียงเชิญชวนให้ไปนั่งเรือชมหิ่งห้อยดังมาเป็นระยะๆ จนทำให้เคลิ้ม ก็มันเเค่ หกสิบบาทเอง ราคาไม่แพง แถมได้นั่งเรือชมวิวริมน้ำยามค่ำคืน ส่วนหิ่งห้อยก็อย่างที่เราคิดๆกันว่ามันคงจะไม่จริง แต่ก็มันยังไม่เคยลองนี่ ลองสักครั้งให้มันรู้ๆกันไป

หกโมงสี่สิบ เวลาออกเรือ คนพร้อมเรือพร้อม แล้วเรือแต่ละท่าที่คอยรับลูกค้าก็พากันออกตามกันไปเป็นสาย จุดที่เราจะไปชมหิ่งห้อยอยู่ห่างออกไปประมาณสามกิโลเมตร ใช้เวลานานพอสมควร

แต่ระหว่างทาง ถ้าเราไปเที่ยวแรก คือ หกโมงสี่สิบ ก็จะพอเห็นวิวสองฝั่งแม่น้ำ บ้าน วัด แสงไฟ ที่เริ่มเปิด พร้อมกับแสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าและจมลงขอบน้ำ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ เพลินตา



นั่งมองวิวริมน้ำไปเพลินๆ เรือก็เริ่มออกไปไกลขึ้นๆ จนสองฝั่งแม่น้ำขยายตัวกว้างขึ้นเรื่อยๆ ฟ้าก็มืดลงเช่นกัน

เรือก็เริ่มวิ่งเลียบไปทางด้านฝั่งขวามือและเบาเครื่องลง พร้อมกับเเสงสีเขียวระยิบระยับที่สว่างอยู่ตามพุ่มไม้ริมฝั่ง น้อยบ้าง มากบ้างตามจังหวะกันไป มีให้เห็นพอให้เราตื่นเต้น และมีความสุขกับแสงหิ่งห้อยของสองริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง ใครไม่เคยก็ลองมานั่งเรือชมนะครับ อย่าเพิ่งมีอคติ ลองมาดูมาชมบรรยากาศ หกสิบบาทผมว่ามันไม่ได้แพงเลย

ผ่านไปชั่วโมงกว่าๆเรือก็พาเรากลับมาส่งที่ตลาดเป็นอันจบการนั่งเรือชมวิว ชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน ในส่วนตัวผมแล้วก็ได้ไปลงเรือดูหิ่งห้อยคืนนี้ ไม่ได้ทำให้ใครๆในเรือลำนี้ผิดหวังเลยทุกคนลงเรือกลับมาพร้อมรอยยิ้มแล้วความสุข ในแต่ละมุมมองของตัวเอง


เวลาสองทุ่มกว่า มันก็เป็นเวลาท่องราตรีของผมแล้วตลาดอัมพวายังคงคึกคักอยู่ในเวลานี้ ยังมีร้านให้เรานั่งดื่มอยู่ ก่อนลงเรือก็ได้มองๆไว้แล้ว

เป็นร้านนั่งดื่มเบาๆ หรือใครจะจัดหนักก็ไม่ว่ากัน มีอาหารและเครื่องดื่มพร้อมดนตรีแสดงสด ที่นั่งมีทั้งโซนด้านในร้าน และโซนริมน้ำนั่งกันสบายๆแบบโต๊ะญี่ปุ่น

ผมก็เพิ่งจะรู้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของน้องชายที่มาด้วยเลยฉลองกันหน่อย มีเพื่อนของน้องและแฟนเพื่อนตามมาสมทบในคืนนี้


ร้านค้าส่วนใหญ่เริ่มทะยอยปิด ส่วนร้านที่นั่งดื่มก็ปิดไม่เกินห้าทุ่มนะครับ

ดื่มกันไปพอสมควร ร้านก็ใกล้จะปิด ร้านที่ผมและน้องไปนั่งดื่ม พอใกล้ๆจะปิด ทางร้านจะมีข้าวต้มมาแจกฟรีให้กับลูกค้า สามารถเติมได้ รสชาติอร่อย กินแล้วสร่างเมากันเลย กำลังมึนๆได้ซดอะไรร้อนๆ มันทำให้ตาสว่างดีแท้

แล้วค่ำคืนนี้ก็ได้เวลาแยกย้าย ผมกับน้องก็กลับที่พัก ในสวน ส่วนเพื่อนน้องละแฟนก็กลับบ้านในตัวเมืองราชบุรี

ณ. บ้านสวนลิ้นจี่ รีสอร์ท เวลาเที่ยงคืนกว่า อาบน้ำเตรียมตัวนอน ดูท่าทีมันจะไม่จบทริปง่ายๆซะแล้ว แรกจากไปเช้า เย็นกลับ ตอนนี้ขยับมาเป็นค้างคืน พรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะเตลิดต่อที่ไหน แต่วันนี้ขอนอนเอาแรงก่อนครับ แล้วพรุ่งนี้มาลุ้นกันต่อ...

To becontinued...

1 - 3 Sep 2017


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Mockba คนเดียว ก็เที่ยวได้

Hanoi ฮาหน่อย ต้องไปเอง ภาค๒

นั่งรถไฟไปเมืองลิง